What's new Revit 2017 สำหรับงาน Structure
What's new Revit 2017 สำหรับงาน Structure มีอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง ไปดูกันเลย
- Reinforcement connectors
ในการทำงานเหล็กเสริมที่หน้างานก่อสร้าง เหล็กเสริมโครงสร้างทั่วไปนั้นจะมีความยาวจำกัด ทำให้ต้องมีการต่อความยาวเหล็กเสริมนั้น ซึ่งอาจใช้วิธีการต่อทาบเหล็กหรือใช้อุปกรณ์เสริม เช่น Rebar Coupler เป็นต้น ทำให้ใน Revit 2017 นี้ได้มีการเพิ่มคำสั่ง Rebar Coupler ขึ้นมา เพื่อช่วยในการโมเดลเหล็กเสริมคอนกรีตให้สอดคล้องกับการทำงานจริงมากขึ้น ซึ่ง Rebar Coupler นี้ ถือเป็น Revit Family base ประเภทหนึ่ง ที่จะสามารถสร้างขึ้นตามผู้ผลิต Rebar Coupler ที่มีอยู่ในแต่ละประเทศได้ อีกทั้งยังสามารถที่จะสร้างเป็น Group , Assemblies รวมทั้ง Partition ได้อีกด้วย
2. Variable rebar distribution
Revit 2017 ทำให้การจัดวางเหล็กเสริมในชิ้นส่วนโครงสร้างที่มีหน้าตัดไม่เท่ากันตามช่วงยาวของชิ้นงานนั้น สามารถทำได้ง่ายขึ้นโดยเหล็กเสริมจะถูกจัดวางตามขนาดหน้าตัดที่เปลี่ยนไปให้ทันทีตลอดความยาวของชิ้นงานนั้นๆ อีกทั้งยังสามารถใช้คำสั่ง Multi-Rebar Annotation และถอดปริมาณเหล็กเสริมตามความยาวของเหล็กจริงที่ปรากฏในโมเดลได้ทันที อีกด้วย
3. Graphical rebar constraints management
Revit 2017 ได้พัฒนา จาก Rebar Constraints dialog box มาเป็น Graphical rebar constraints manager ซึ่งจะทำให้สามารถมองภาพการจัดวางเหล็กเสริมได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
4. Bent fabric sheets reinforcement
Revit 2017 ได้พัฒนาการสร้างแผงตะแกรงเหล็ก ( Fabric Sheet ) ให้สามารถที่จะมีการพับงอตามรูปร่างของโครงสร้างได้โดยการ Sketch รูปแบบการพับได้ตามความต้องการ ช่วยให้สามารถทำการเขียน Shop Drawing ได้ถูกต้องตามรูปแบบโครงสร้างจริงได้
5. Structural connectivity
การสร้างโมเดลโครงสร้างเหล็กข้อจำกัดอย่างหนึ่งคือ การทำรายละเอียดรอยต่อระหว่างชิ้นงาน ซึ่งในบางครั้งอาจต้องอาศัย Revit Extension หรือโปรแกรมอื่นๆ ช่วยในการทำรายละเอียดเพิ่มเติม Revit 2017 จึงได้พัฒนาให้สามารถสร้างรายละเอียดของรอยต่อระหว่างชิ้นงานได้ โดยที่ตำแหน่งของรอยต่อระหว่างชิ้นส่วนโครงสร้างนั้นจะถูกเรียกเป็น Generic Connection ที่จะแสดงให้เห็นว่ามีชิ้นส่วนโครงสร้างใดเกี่ยวข้องในรอยต่อนี้ และสามารถกำหนดรูปแบบการส่งผ่านแรงไปยังรอยต่อได้อีกด้วย ถือเป็นการพัฒนากระบวนการทำงานออกแบบและการจัดทำรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
6. Autodesk Steel Connections for Revit
Revit 2017 ได้มีคำสั่ง Connection เพิ่มขึ้นมาเพื่อช่วยในการออกแบบรอยต่อของชิ้นงานโครงสร้าง ในรูปแบบต่างๆตามความต้องการของผู้ออกแบบ ซึ่งจะอ้างอิงตาม Design Code ของทาง สหรัฐอเมริกา และทางยุโรป เป็นหลัก ทั้งนี้ยังสามารถทำการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังโปรแกรม Advance Steel เพื่อจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมได้อีกด้วย
7. Column split
Revit 2017 ได้พัฒนาให้สามารถทำการตัดแบ่งเสาและใส่รอยต่อให้ได้ทันทีในบริเวณที่ถูกตัดนั้นๆ ซึ่งทำให้การจัดทำรายละเอียดของชิ้นงานโครงสร้างนั้นสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
8. More accurate and consistent steel content
Revit 2017 ได้มีการเพิ่มข้อมูลของขนาดเหล็กรูปพรรณของประเทศ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส โปแลนด์ สหรัฐฯ อินเดีย และ เหล็กที่ใช้ตามมาตรฐานยุโรป เข้าไปอีกด้วย ทำให้มีทางเลือกในการออกแบบเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถถอดปริมาณงานเหล็กรูปพรรณได้อย่างแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย
9. Improved structural foundations
Revit 2017 ได้พัฒนาให้สามารถทำการ Attach เสาโครงสร้างไปยัง ฐานรากได้ ซึ่งจะทำการปรับแก้ไขความยาวเสาให้อัตโนมัติอีกด้วย
ติดตาม What's new Revit 2017 สำหรับงาน Structure เพิ่มเติมได้อีกเร็วๆ นี้