5 เคล็ดลับในการออกแบบที่มีคุณภาพดีขึ้น
วิธีการเพิ่มคุณภาพการออกแบบทางสถาปัตยกรรมผ่าน BIM
เมื่อนึกถึงคุณภาพของงานสถาปัตยกรรมในปัจจุบัน อะไรคือสิ่งที่ปรากฏขึ้นในความคิดของเรา? ความยั่งยืน การใช้ประโยชน์ ราคา ความพึงพอใจของผู้พักอาศัย ความคงทน นวัตกรรม รูปแบบ ความปลอดภัย หรืออาจจะเป็นสิ่งอื่นๆ อีกหลายอย่างที่มีคุณภาพ
ผู้มีส่วนร่วมที่มีคุณภาพจำนวนมากที่จะสามารถรวมไว้ได้ในโครงการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิตงานที่มีคุณภาพสูงสุด แต่ความกดดันที่เกิดขึ้นอาจทำให้คุณภาพโดยรวมอยู่ในความเสี่ยง ไปจนถึงสิ่งอื่นๆ เช่น กำหนดการเร่งด่วน งบประมาณที่จำกัด ไม่มีการเชื่อมต่อสื่อสารกับทีมออกแบบ หรือการให้ข้อมูลลูกค้าที่ไม่ชัดเจน และมีไม่กี่โครงการที่ไม่มีเวลา งบประมาณ หรือการกระตุ้นการติดต่อสื่อสาร ดังนั้นจึงต้องมีการทำงานให้ดีที่สุดที่จะสามารถทำได้เพื่อเอาชนะปัญหาเหล่านั้นและส่งมอบงานที่มีคุณภาพ
ทีมที่ใช้ Building Information Modeling (BIM) จะมีข้อได้เปรียบ เนื่องจากว่า BIM มีการรับรองคุณภาพโดยการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกันในขณะที่มีการช่วยเอาชนะความท้าทาย นี่คือ 5 วิธีการที่ BIM สามารถช่วยสถาปนิกและทีมงานออกแบบทั้งหมดในการผลิตงานที่มีคุณภาพดีขึ้น
5 วิธีการที่ BIM จะช่วยปรับปรุงคุณภาพของการออกแบบให้ดียิ่งขึ้น
- ทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้น
โครงการไม่เพียงแค่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและงบประมาณ แต่ในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ เช่น แบบแปลนไหนที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนร่วมได้ทั้งหมด? ตัวเลือกสถานที่ใดที่จะเสนอมุมมองที่ดีที่สุดได้? วิธีที่จะสามารถทำระบบอาคารให้ปกปิดความซับซ้อนได้อย่างสร้างสรรค์? นี่คือปัญหาใหญ่ แต่บางสิ่งบางอย่างก็สามารถจัดการได้ง่าย เช่น การจัดวางบันไดที่ผิดพลาด ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาในการบำรุงรักษาให้เกินอายุการใช้งานของอาคารได้ จึงจำเป็นต้องมีการคำนวณสำหรับทุกอย่างให้ดี
ความพึงพอใจของเจ้าของจะเพิ่มขึ้นเมื่อได้ส่งมอบวิธีแก้ปัญหาที่ดีต่อปัญหายุ่งยากที่อาจเกิดขึ้น และดูเหมือนว่าตัวเลือกการออกแบบเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ทำให้เกิดช่วงเวลาแห่งความยุ่งยาก ซึ่ง BIM อนุญาตให้คุณสำรวจทางเลือกเพิ่มเติมได้ในเวลาที่น้อยลง หลังจากที่ได้มีการตั้งค่าโมเดลแล้ว ทำให้สามารถหาทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ไขได้ง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทำการแนะนำด้วยความมั่นใจที่มากขึ้น คุณสามารถนำเสนอการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้หลายรูปแบบให้กับลูกค้าในเวลาที่ใช้ในการพัฒนาด้วยเครื่องมือ 2D แบบดั่งเดิม และลูกค้าที่ยินดีทั้งหมดเหล่านั้น ก็มีแนวโน้วที่จะกลับมาใช้งานและแนะนำบริการเหล่านี้ให้กับผู้อื่น
- การสื่อสารที่ดีขึ้นตามความตั้งใจในการออกแบบด้วย outputs ที่สมบูรณ์
สามารถติดต่อสื่อสารทางเลือกทั้งหมดเหล่านั้นได้ง่ายมากขึ้น ด้วย BIM คุณสามารถแชร์แบบจำลอง 3D กับลูกค้าและที่ปรึกษาจากสาขาอื่นๆ นักวิจารณ์ได้รับสิ่งที่คุณพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ทั้งหมดโดยไม่ต้องรอการ render เมื่อมีการเสนอ 3D ตลอดทั้งอาคาร พวกเขาจะเห็นภาพการออกแบบเกือบจะชัดเจนตามที่พวกเข้าได้เดินผ่าน
การแสดงภาพที่ดีขึ้น นำไปสู่การตอบรับที่ดีขึ้น ผู้ที่รีวิวสามารถจินตนาการได้ว่าทางเลือกต่างๆ จะเหมาะกับความต้องการของพวกเขาอย่างไร และนอกจากนั้นพวกเขาสามารถให้การตอบรับถึงข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นได้ ลูกค้าที่มีส่วนร่วมจึงสามารถบอกคุณได้ก่อนกระบวนการออกแบบ ทำให้ไม่ต้องลำบากในการจัดการปัญหาที่กังวล
- ความเข้าใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพอาคาร
ข้อมูลอันชาญฉลาดถูกใส่อยู่ในแบบจำลอง จะช่วยให้คุณเข้าใจได้รวดเร็วในกระบวนการออกแบบ ผลกระทบที่ทางเลือกมีต่อประสิทธิภาพ สมมติว่าคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานโดยการใช้หน้าต่างขนาดใหญ่สำหรับแสงแดดกลางวันกับที่กันแดดเพื่อให้อาคารเย็นสบายในช่วงฤดูร้อน เครื่องมือ BIM จะช่วยให้สามารถสำรวจรูปทรงที่กันแดดแบบต่างๆ ที่จะนำไปใช้งานในช่วงเวลาต่างๆ ของปี และยังสามารถดำเนินการสำรวจสิ่งที่คล้ายคลึงกันในลักษณะอื่นๆ ของพลังงานและประสิทธิภาพอาคารโดยรวมได้อย่างรวดเร็ว
- การออกแบบที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
การใช้ BIM สามารถลดจำนวนของการปะทะกันและปัญหาอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ออกแบบโดยใช้แบบจำลอง 3D และทำงานร่วมกันกับที่ปรึกษาบนโครงการ กระบวนการประสานงานกันส่วนใหญมักเกิดขึ้นในขณะที่ออกแบบ เครื่องมือ BIM จะสามารถตรวจจับการปะทะกันและปัญหาอื่นๆ ที่มีผลต่อการออกแบบ การประสานงานที่แน่วแน่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการออกแบบ 2D ดังนั้นจึงสามารถจัดการกับความขัดแย้งที่มีโอกาสเกิดผลกระทบต่อคุณภาพโดยรวมในความก้าวหน้า แต่กระบวนการประสานงานแบบดั่งเดิมนั้นใช้เวลามากและมีแนวโน้มว่าจะเกิดความผิดพลาดมากขึ้น การนำ BIM มาใช้ทำให้ทีมออกแบบแทบจะไม่พลาดปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพในฟิลด์หรือตลอดอายุการใช้งานอาคาร
- ออกแบบให้สร้างได้จริง
คุณภาพไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ ปัญหาความเป็นได้ในการสร้าง อาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ใช้เวลาในการดำเนินงานมากขึ้น และความพึงพอใจของลูกค้าลดน้อยลง แต่เมื่อนำ BIM มาใช้จะสามารถทำงานร่วมกันกับผู้รับเหมาได้รวดเร็วและง่ายขึ้นในกระบวนการทำงานต่างๆ พร้อมกันนั้น ยังสามารถรีวิวโครงการสำหรับปัญหาความเป็นได้ในการสร้าง และยังสามารถเรียงลำดับการก่อสร้างเพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าการออกแบบนั้นเหมาะสมกับกำหนดการ
สถาปนิกเชื่อมั่นในคุณภาพของ BIM
เพื่อนร่วมงานหลายๆ คนได้นำ BIM มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการ 70% ของสถาปนิกที่ได้ทำการสำรวจมีการนำ BIM มาใช้ในบางส่วน และ 89% ของสถาปนิกในการสำรวจอื่นๆ กล่าวว่า BIM จะช่วยปรับปรุงคุณภาพของการออกแบบในขั้นสุดท้าย
ซินเนอร์จี้ซอฟต์ ตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์อย่างเป็นทางการและถูกต้องในประเทศไทยของออโตเดสก์ สำหรับท่านที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สามารถสอบถามได้ทางเจ้าหน้าที่ซินเนอร์จี้ซอฟต์ที่