Common Data Environment (CDE) คืออะไร เพราะเหตุใดจึงสำคัญกับเรา ?
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ที่จะบอกว่าโครงการก่อสร้างทั่วไปนั้นก่อให้เกิดข้อมูลจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการไหนก็ตาม ตั้งแต่การปรับปรุงเล็กน้อยไปจนถึงการสร้างอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งโครงการเหล่านี้จำเป็นต้องมีการเพิ่มและส่งต่อข้อมูล จนทำให้มีข้อมูลเกินที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาของโครงการ น่าเสียดายที่หลายทีมประสบปัญหาในการจัดการและกระจายข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการที่ไม่ดีจะส่งผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อบริษัทที่ไม่มีระบบก่อให้เกิดข้อผิดพลาด การทำงานซ้ำ การส่งงานช้ากว่ากำหนด ควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ได้ เกิดความรู้สึกบอบช้ำ ซึ่งนำไปสู่การฟ้องร้องและคดีความ
ตอนนี้มีวิธีจัดการข้อมูลเกินที่เกิดขึ้นในงานก่อสร้าง หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหานี้คือการสร้างวิธีการที่เป็นมาตรฐานในการจัดโครงสร้างของข้อมูลและวิธีการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ CDE เราจะพาไปรู้จักว่ามันคืออะไรและเหตุใดเราจึงต้องสนใจ มาสำรวจกันใน Infographic ด้านล่างนี้
CDE คืออะไร
BIM Wikipedia ระบุว่า “CDE เป็นแหล่งข้อมูลแหล่งเดียวที่ใช้ในการรวบรวม จัดการ และเผยแพร่เอกสาร แบบจำลองกราฟิกและข้อมูลที่ไม่ใช่กราฟิก สำหรับทีมงานในโครงการทั้งหมด และการสร้างแหล่งข้อมูลเดียวนี้จะอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานทุกคนในโครงการ และช่วยหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนและข้อผิดพลาด”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง CDE คือศูนย์กลางดิจิทัลที่ข้อมูลมารวมกันเป็นส่วนหนึ่งของ Workflow ในการสร้างแบบจำลองข้อมูลอาคารทั่วไป (BIM) จริงๆแล้วเดิมก็ได้รับการพัฒนาและเผยแพร่เป็นส่วนหนึ่งของ UK BIM Level 2 standards ซึ่งวันนี้มันขยายออกไปมากกว่าข้อมูล BIM ที่สามารถรวบรวมทุกอย่างตั้งแต่สัญญาโครงการ แผนงานการก่อสร้าง คำสั่งเปลี่ยนแปลงและอื่นๆ อีกด้วย
โดยพื้นฐานแล้ว หากเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่สร้างขึ้นระหว่างโครงการ ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นสุดโครงการ และสิทธินั้นก็ไปต่อในโครงการอื่นๆด้วย แต่อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญบางประการก็ยากสำหรับในองค์กร ที่จะสร้าง CDE ในโครงการและธุรกิจของพวกเขา
ความท้าทายของวันนี้กับระบบการทำงานบน Software งานก่อสร้างในปัจจุบัน
แนวคิดเกี่ยว CDE นั้นค่อนข้างน่าสนใจ แต่ในความเป็นจริงสิ่งทีมก่อสร้างส่วนใหญ่กำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นอาจน้อยกว่าสิ่งที่เป็นอุดมคติ ความท้าทายในอดีตเป็นปัจจัยที่ให้เกิดแนวทางในการดำเนินโครงการเพื่อส่งมอบงานให้ตรงเวลา และอยู่ในงบประมาณ โดยไม่อาจหยุดนิ่ง และต้องทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นในทุกส่วนย่อย จึงมีความท้าทายมากขึ้นที่จะบรรลุในอุปสรรค์ ดังนี้
- เทคโนโลยีที่ไม่ประสานกัน
เช่นเดียวกับคน ซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกันต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี บ่อยครั้งมันก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในโครงการของเรา แม้ว่าซอฟต์แวร์แต่ละตัวอาจมีจุดประสงค์หรือผลประโยชน์แบบเฉพาะทาง แต่ก็ไม่มากเกินไปถ้าหากข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกแบ่งปันและรวบรวมกันโดยมีช่องทางหรือ Platforms ที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้ - การไม่มีพื้นที่สำหรับแชร์ข้อมูล
ปัญหาซ้ำๆเมื่อระบบซอฟต์แวร์ไม่ได้ผสานรวมกันและไร้ศูนย์กลาง ข้อมูลโครงการจะไม่น่าเชื่อถือและไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ หากไม่มีแหล่งข้อมูลจริงเพียงแห่งเดียว รายละเอียดอาจจะกลายเป็นความไม่ชัดเจน ข้อคิดเห็นเริ่มมีอิทธิพลมากกว่าข้อเท็จจริง และโครงการอาจจะประสบกับค่าใช้จ่ายที่สูงและเกินกำหนดเวลา - การตกหล่นของข้อมูล
ตลอดโครงการ ข้อมูลจะต้องถูกส่งผ่านจากทีมหนึ่งไปสู่อีกทีมหนึ่ง จากช่วงงานหนึ่งไปยังอีกงานหนึ่ง และในขณะที่โครงการดำเนินต่อไป จุดส่งมอบเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงมากมาย รวมถึงความเข้ากันได้ของข้อมูล การสูญเสียรายละเอียดเมื่อข้อมูลย้ายจากแอปพลิเคชันหนึ่งไปยังอีกแอปพลิเคชันหนึ่งก็เช่นเดียวกันกับความเสี่ยงของข้อผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละเลยจากกระบวนการของการใส่ข้อมูลในรูปแบบการป้อนด้วยมือ และเนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ จึงง่ายที่จะเห็นว่าทำไมข้อมูลโครงการกว่า 96% นำมันมาใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้จริง - Workflow และกระบวนการทำงานที่ไม่สอดคล้องกัน
บ่อยครั้ง กระบวนการของโครงการและ Workflow ขึ้นอยู่กับทีมงานแต่ละทีมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงการ เมื่อแต่ละระบบทำงานกันคนและแบบ ปัญหาจะรุนแรงขึ้นเนื่องจากทีมงานต่างๆ ก็ย่อมเรียกร้องให้มี Workflow และกระบวนการที่ต่างกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ความขัดแย้งระหว่างของผู้ปฎิบัติงานและผู้รับเหมา ไปสู่ข้อพิพาทระหว่างกันต่อไป - ไม่มีมาตรฐานในการทำงาน
เช่นเดียวกับมาตรฐาน เมื่อ workflow และกระบวนการทำงานแตกต่างกัน มาตรฐานที่ใช้ในการปฏิบัติตามและประเมินผลงานก็ต่างกันด้วย ที่นำไปสู่มาตรฐานการจัดการแยกส่วนแบบตัวใครตัวมัน ซึ่งก็หมายความว่าบางส่วนที่กำลังเริ่มจัดตั้งโครงการให้สำเร็จในขณะที่ทีมอื่นอาจไม่เห็นด้วยกับวิธีการของพวกเขา - วัฒนธรรมในองค์กรที่อ่อนแอและแนวคิดที่แตกต่างกัน
การริเริ่มด้านเทคโนโลยีและข้อมูลขนาดใหญ่มักจะล้มเหลวโดยปราศจากทิศทางและการยอมรับจากผู้บริหาร และการสร้างรากฐานสำหรับการก่อสร้างที่เชื่อมต่อกันเพื่อก้าวต่อไปที่ประสบความสำเร็จ (รวมถึงกระบวนการทั่วไป workflow มาตรฐาน และการเข้าถึงข้อมูล) จำเป็นต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรด้วย - ขาดความไว้วางใจระหว่างกัน
ความสับสน การซ้ำซ้อน และข้อมูลตกหล่นเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิด และทำให้ผู้คนจ้องจับผิดและตำหนิ เมื่อพวกเขาไม่สามารถต่อว่ากับบุคคลตรงๆได้ พวกเขาก็จะหันมาโทษซอฟต์แวร์ และเมื่อผู้คนไม่สามารถไว้วางใจเพื่อนร่วมงานและเครื่องมือในการทำงานของพวกเขา แล้วพวกเขาจะเหลืออะไรอีก?
เหตุผลที่ควรทำ CDE
นอกเหนือจากการรับมือกับความท้าทายข้างต้น มีเหตุผลที่น่าสนใจหลายประการกับ CDE และการเริ่มต้นใช้กับโครงการก่อสร้างของเรา
- ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน
เทคโนโลยีดิจิทัลได้รับการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าสามารถปรับปรุงการทำงานร่วมกันได้หากใช้อย่างถูกต้อง นั่นหมายความว่าข้อมูลของโครงการและข้อมูลทั้งหมดจำเป็นต้องส่งต่อเข้ามาในระบบและถูกอัปโหลดขึ้นสู่ส่วนกลาง หรือก็คือศูนย์กลางที่ใช้ในการจัดเก็บเพียงแห่งเดียวเท่านั้น สิ่งนี้นำไปสู่การปรับปรุงการประสานงานและการทำงานเป็นทีม ทั้งจากทีมภายในและข้ามทีม - สร้างแหล่งความจริงเพียงแห่งเดียว
อย่าประมาทพลังของแหล่งความจริงเพียงแห่งเดียวในโครงการ ที่ที่สมาชิกในโครงการให้ความเชื่อถือในการเข้าถึงแผนงานแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนแปลง และข้อมูล ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจ รวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกระหว่างโครงการต่างๆ ซึ่งเป็นระดับข้อมูลในภาพรวมของทั้งบริษัท - ปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพ
CDE ช่วยลดความจำเป็นในสร้างข้อมูลซ้ำๆ ในรูปแบบการป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งจะนำไปสู่ข้อมูลที่ผิดพลาดและข้อมูลสูญหาย ด้วยเหตุนี้ ทั้งบริษัทจึงได้ปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลที่ช่วยให้ทีมตัดสินใจได้เร็วขึ้น - ลดความเสี่ยง
CDE ช่วยลดความเสี่ยงด้วยความโปร่งใสและข้อมูลเชิงวิเคราะห์เชิงลึกที่ดียิ่งขึ้นในระดับภาพรวมของโครงการที่เราถือทั้งหมด เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและคาดการณ์ต่อได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการก้าวไปข้างหน้าของธุรกิจที่ยอดเยี่ยม - เสริมความปลอดภัย
ด้วย CDE ซึ่งมีผู้ดูแลระบบและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจะสามารถควบคุมข้อมูลได้ดีกว่า สร้างความปลอดภัยของข้อมูลให้แข็งแกร่งยิ่งขึน
คุณสมบัติของ CDE
เมื่อคุณมั่นใจว่าการทำ CDE นั้นคุ้มค่า สิ่งสำคัญแรกคือต้องทำเข้าใจทีมงานของตัวเองก่อน บริษัทก่อสร้างบางแห่งเชื่อว่าพวกเขามีการจัดการ CDE อยู่แล้ว แต่อาจขาดกุญแจสำคัญหลักที่จำเป็นต่อการใช้ประโยชน์จาก CDE จริงๆ โดย CDE ที่มีประสิทธิภาพต้องมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้
- ใช้งานง่าย
ประสบการณ์ของผู้ทำงานเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ CDE เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ สิ่งแรกคือมันต้องใช้งานง่าย ซึ่งหมายความว่ามันต้องง่ายจริงๆ ด้วยการฝึกอบรมเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เพื่อให้ทีมสามารถทำงานอยู่บนระบบนั้นได้ตลอดระยะเวลาโครงการ - เข้าถึงได้ง่าย
CDE ต้องปรับเข้ากับระบบและการบวนการในการทำงานเดิมได้ ระบบคลาวด์หมายถึงการเข้าถึงแบบเปิด (ภายใต้การจัดการและการควบคุมในระดับหนึ่ง) สำหรับใครก็ตามที่ต้องการข้อมูลไม่ว่าจะอยู่ที่ออฟฟิศหรือไซต์งานก่อสร้าง - เชื่อมโยงผู้ทำงานทุกคนเข้าด้วยกัน
CDE จะต้องปรับเข้ากับระบบและกระบวนการทำงานเดิมได้ เป้าหมายหลักคือการทำลายการทำงานแบบไซโลซึ่งให้กระบวนการทำงานทั้งหมดเกิดความล่าช้าในการสื่อสาร และเน้นไปที่การทำงานร่วมกันโดยภาพรวม - มีมาตรฐานและปรับขนาดได้
CDE ต้องอนุญาตให้แต่ละธุรกิจสร้างมาตรฐาน Workflow และกระบวนการทำงาน มันต้องเข้าได้กับทั้งงานขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก และรองรับการขยายตัวในงานแต่ละช่วง - มีความปลอดภัย
การบวนการสำหรับ CDE ที่ดี ข้อมูลจะต้องไม่ถูกเจาะหรืออยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง CDE ที่ดีต้องมีความปลอดภัยต่อทั้งเอกสารและข้อมูลทางธุรกิจที่เป็นความลับ
ลักษณะข้างต้นเป็นจุดเด่นของระบบที่คุณต้องการเพื่อให้โครงการของคุณมีความสอดคล้องและทำงานร่วมกันมากขึ้น ตอนนี้ต้องมาดูว่าบริษัทของคุณมีความพร้อมเพื่อที่จะก้าวไปสู่ขั้นตอนเริ่มต้นกับระบบCDE แล้วรึยัง
คำถามที่เกิดขึ้นเพื่อพิจารณาก่อนเริ่มใช้ CDE
สิ่งสำคัญคือเราจะไม่กระโจนเข้าสู่ระบบใหม่อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า บริษัทต้องตั้งคำถามถึงประเด็นที่ดีและดำเนินการตามกระบวนการ ทำให้มันถูกต้อง และสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรถาม เมื่อพิจารณาว่าจะนำเอา CDE มาใช้ในองค์กรของคุณ ได้แก่
- จะให้ทีมงานของบริษัทเห็นด้วยได้อย่างไร
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น หากมีข้อโต้แย้งหรือไม่เห็นด้วยจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก การพยายามใช้ CDE อาจจะมีโอกาสล้มเหลว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณตอบคำถามนี้ได้ก่อนที่จะใช้ CDE เพื่อนำบริษัทและโครงการของคุณให้ประสบความสำเร็จสูงสุด การทำให้ทุกคนเห็นด้วยดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย เราอาจจะเริ่มที่โครงการทดลองเพื่อให้พวกเขาเห็นว่ามันประสบความสำเร็จได้อย่างไร ระลึกไว้เสมอว่าการเลือก CDE ที่ใช้งานง่ายจะเพิ่มการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ที่มาพร้อมกับวิธีการใหม่ๆด้วย - เราควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน
นี่เป็นคำถามที่สำคัญกว่าที่คุณคิด ความจริงก็คือการนำเทคโนโลยีและระบบใหม่มาใช้อย่างเต็มรูปแบบเป็นเรื่องยากในคราวเดียว และอาจนำไปสู่การต่อต้านได้หากเราพยายามเร่งมัน ดังนั้น คณควรถามตัวเองว่า เราเริ่มต้นที่ระดับผู้นำหรือระดับปฎิบัติงานของบริษัท คุณจะได้พบกับการต่อต้านมากที่สุดกับกลุ่มไหน และกลุ่มไหนที่คุณสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อยอมรับได้มากที่สุด คุณจำเป็นต้องลงทุนในการฝึกอบรมเพื่อประสานงานกันก่อนเริ่มต้นใช้อย่างทั่วถึงหรือไม่ และการค่อยๆเริ่มไปทีละขั้นเป็นทางออกที่ดีที่สุดเสมอ - คุณจะสร้างมาตรฐานร่วมกันได้อย่างไร
หากปราศจากมาตรฐาน ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ที่จะใช้ CDE ซึ่งมันมีประโยชน์อย่างมากต่อมาตรฐาน ซอฟต์แวร์และอื่นๆ ระหว่างกระบวนการทำงานและ Workflow เราควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ส่วนไหนที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและทรงพลังที่สุดในการสร้างมาตรฐาน? คุณกำลังกำหนดกระบวนการแจกจ่ายและแบ่งปันข้อมูลสำหรับทีมและทั่วทั้งบริษัทอย่างไร คำถามทั้งหมดเหล่านี้และคำถามอื่นๆที่จะตามมา มีความสำคัญต่อการสร้างกรอบการทำงานด้วย CDE ให้ประสบความสำเร็จได้ - จะมีผู้ดูแลระบบจัดการหรือไม่
ความพยายามของทุกคนในทีมทำให้ CDE ประสบความสำเร็จ เมื่อคิดเกี่ยวกับการเริ่มต้นใช้ CDE ให้เริ่มกำหนดว่าในบริษัทของคุณ ใครจะเริ่มต้นเป็นคนทำมัน ตัวอย่างเช่น ใครหรือทีมใดในบริษัทของคุณจะเป็นตัวหลักในการเชื่อมต่อประสานงานกับทุกคนในบริษัท และใครเป็นผู้ที่กำหนดระบบวิธีการทำงานทั้งหมดนั้นด้วย - แผนงานของคุณมีลักษณะอย่างไร
ในที่สุด การเริ่มต้นสำหรับ CDE จะช่วยให้คุณกำหนดขั้นตอนสำหรับวันพรุ่งนี้ได้ เป็นการยากที่จะถามว่าเราจะสามารถวัดความสำเร็จได้อย่างไร ต้องถามต่อไปอีกว่าแล้วเป้าหมายในอนาคตของคุณคืออะไร และจะพัฒนาต่อไปอย่างไร
CDE สำหรับวันนี้และในอนาคต
อย่าปล่อยให้ข้อมูลหลุดผ่านรอยรั่ว CDE จะช่วยทำให้ธุรกิจและโครงการของคุณประสบความสำเร็จในวันนี้ โดยให้ทีมของคุณได้เพิ่มประสิทธิภาพและใช้เรียกข้อมูลในเวลาที่สำคัญที่สุด ที่ดีกว่าคือข้อมูลที่ดีสามารถเสริมพลังเทคโนโลยีในอนาคต ซึ่งรวมถึง machine learning และ AI เพื่อเร่งการส่งมอบโครงการ เราใช้ CDE เพื่อให้แน่ใจว่าแนวทางของคุณสำหรับโครงการและการทำงานร่วมกันยังคงแข็งแกร่ง ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการดำเนินการก่อสร้าง
Autodesk Construction Cloud™ กำลังช่วยส่งมอบงานตามคำมั่นสัญญาของการก่อสร้างที่เชื่อมต่อโดยการสร้างเทคโนโลยีอุตสาหกรรมในอนาคตบน Unified platform ศึกษาเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ซินเนอร์จี้ซอฟต์ ตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์อย่างเป็นทางการและถูกต้องในประเทศไทยของออโตเดสก์ สำหรับท่านที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สามารถสอบถามได้ทางเจ้าหน้าที่ซินเนอร์จี้ซอฟต์ที่